ลิเวอร์พูล VS บอร์นมัธ 9-0 หงส์แดง ยิงไม่ยั้งเกือบโหล ระบายความอัดอั้น
ลิเวอร์พูล ระบายความอัดอั้นแบบเต็มที่ เมื่อเปิดบ้าน ไล่ถล่ม บอร์นมัธ ไปแบบไม่เหลือซาก 9-0 เกมนี้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ และ หลุยส์ ดิอาซ เหมายิงคนละสองประตู ส่งผลให้ “หงส์แดง” เก็บเพิ่มเป็น 5 แต้ม และคว้าชัยชนะนัดแรกของฤดูกาล 2022/23 ได้แล้ว ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2022/23 เมื่อวันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม 2565 เป็นการเจอกันระหว่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดบ้านดวลกับ บอร์นมัธ
ลิเวอร์พูล ศึกแดงเดือดพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ ทั้งเหย้า-เยือน
นาทีที่ 6 ลิเวอร์ นำห่าง 2-0 จากจังหวะที่ ฟีร์มิโน่ จับบอลไม่ดีที่หน้าเขตโทษ ทว่าลูกก็มาเข้าทาง ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ วิ่งเข้ามาปั่นด้วยซ้าย บอลพุ่งเสียบเสาเข้าไปอย่างสุดสวย
นาทีที่ 16 หงส์แดง ชวดได้ประตูอีก จากจังหวะที่ เอลเลียต ได้บอลหลุดทะลุช่องเข้าไปในเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจ่ายถวายพานมาให้ ซาลาห์ ชาร์จจ่อๆ ทว่าดันยิงหลุดกรอบออกหลังไปเหลือเชื่อ
นาทีที่ 19 เจ้าถิ่น ได้ลุ้นอีกแล้ว เมื่อ ฟีร์มิโน่ กระดกจากหน้าเขตโทษ เข้าไปหน้าประตู และเป็น ซาลาห์ ที่วิ่งหลุดเข้าไปซัดด้วยขวาเน้นๆ ทว่า มาร์ค เทรเวอร์ส ยังพุ่งปัดข้ามคานได้แบบยอดเยี่ยม
นาทีที่ 28 ลิเวอร์ นำห่าง 3-0 จากจังหวะที่ เทรนต์ เล่นชิ่งหนึ่งสองกับ ฟีร์มิโน่ ก่อนที่ แบ็คขวาหงส์แดง จะตั้งป้อมยิงไกล บอลพุ่งเสียบเสาเข้าไปแบบเด็ดขาด
นาทีที่ 31 หงส์แดง นำไกล 4-0 จากจังหวะที่ ซาลาห์ ได้บอลทางขวา แล้วเปิดไปแฉลบแนวรับทีมเยือน บอลลอยโด่งไปหน้าประตู และเป็น ฟีร์มิโน่ ที่วิ่งแล่บเข้ามากระโดดถีบลูกเข้าไปตุงตาข่ายแบบจ่อๆ
ท้ายครึ่งแรก ยังเป็น ลิเวอร์ ที่ครองเกมบุกได้มากกว่า และเกือบได้อีกประตู ในนาทีที่ 45 จากจังหวะสวนกลับเร็ว ฟีร์มิโน่ ได้บอลกลางสนาม ก่อนากจี้เข้าหาเขตโทษ แล้วกดเรียดๆ บอลจะพุ่งเสียบเสาอยู๋แล้ว ทว่า เทรเวอร์ส ยังปัดออกหลังไปได้
และจากลูกเตะมุมนี้เอง โรเบิร์ตสัน เปิดโค้งเข้าไปในเขตโทษ และเป็น ฟาน ได ที่เทกตัวขึ้นโขกส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย สกอร์กลายเป็น 5-0
หมดครึ่งแรก ลิเวอร์ ขึ้นนำ บอร์นมัธ 5-0
กลับมาเตะกันต่อครึ่งหลัง เพียงแค่นาทีเดียว หงส์แดง นำห่าง 6-0 จากจังหวะที่ เทรนต์ เปิดบอลจากทางฝั่งขวา ไปหน้าประตู และเป็น คริส เมแฟม ที่แหย่ขาสกัดเข้าประตูตัวเอง แม้มีการเช็ค VAR ว่าลูกนี้ หลุยส์ ดิอาซ ล้ำหน้าหรือไม่ แต่เมื่อเช็คแล้ว กรรมการก็ยืนยันว่าได้ประตู
นาทีที่ 62 ลิเวอร์ นำไกล 7-0 จากจังหวะเตะมุม บอลมาถึง โรเบิร์ตสัน ได้ปั่นโค้งจากเขตโทษฝั่งขวา เทรเวอร์ส พุ่งปัดมาเข้าทาง ฟีร์มิโน่ ยิงซ้ำดาบสองไปติด เทรเวอร์ส ทว่าก็บอลไม่ไปไหน ทำให้ ดาวยิงแซมบ้า ซัดแบบจ่อๆ เข้าไปตุงตาข่าย และกลายเป็นประตูที่ 100 ของเขากับ “หงส์แดง”
นาทีที่ 81 เจ้าถิ่น นำห่าง 8-0 จากจังหวะที่ เทรนต์ วางบอลยาวจากปีกขวาไปที่เสาไกลหน้าประตู และเป็น ซิมิกาส แปบอลจังหวะเดียวกลับมาให้ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ วิ่งเข้ามายิงแบบไม่ต้องจับ ลูกพุ่งตุงตาข่ายสุดสวย
นาทีที่ 85 หงส์แดง นำ 9-0 จากจังหวะลูกเตะมุม ซิมิกาส เปิดโค้งเข้ามาหน้าประตู และเป็น หลุยส์ ดิอาซ ที่วิ่งโฉบเข้ามาโหม่งตุงตาข่าย
หมดเวลาการแข่งขัน ลิเวอร์ เปิดบ้านไล่ถล่ม บอร์นมัธ ขาดลอย 9-0 ทำให้ “หงส์แดง” เก็บเพิ่มเป็น 5 แต้ม และสามารถคว้าชัยชนะนัดแรกของฤดูกาลนี้ได้แล้ว
ลิเวอร์พูล รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนาม
ลิเวอร์พูล : อลิสซง เบ็คเกอร์ (GK), เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, หลุยส์ ดิอาซ
บอร์นมัธ : มาร์ค เทรเวอร์ส (GK), เจฟเฟอร์สัน เลอร์มา, คริส เมแฟม, มาร์คอส เซเนซี่, อดัม สมิธ, ลูอิส คุ๊ค, จอร์แดน เซมูร่า, มาร์คัส ตาเวอร์เนียร์, ไรอัน คริสตี้, ไจดอน แอนโธนี่, คีฟเฟอร์ มัวร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รายชื่อผู้ทำประตู-แอสซิสต์ แดงเดือดพรีเมียร์ลีก 2021-22
แมนยูฯ 0-5 ลิเวอร์พูล (24 ตุลาคม 2021)
0-1 นาทีที่ 5 (นาบี เกอิตา ยิง, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แอสซิสต์)
0-2 นาทีที่ 13 (ดิโอโก โชตา ยิง, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แอสซิสต์)
0-3 นาทีที่ 38 (โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิง, นาบี เกอิตา แอสซิสต์)
0-4 นาทีที่ 45+5 (โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิง, ดิโอโก โชตา แอสซิสต์)
0-5 นาทีที่ 50 (โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิง, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แอสซิสต์)
นาทีที่ 6 ลิเวอร์ นำห่าง 2-0 จากจังหวะที่ ฟีร์มิโน่ จับบอลไม่ดีที่หน้าเขตโทษ ทว่าลูกก็มาเข้าทาง ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ วิ่งเข้ามาปั่นด้วยซ้าย บอลพุ่งเสียบเสาเข้าไปอย่างสุดสวย
นาทีที่ 16 หงส์แดง ชวดได้ประตูอีก จากจังหวะที่ เอลเลียต ได้บอลหลุดทะลุช่องเข้าไปในเขตโทษด้านซ้าย ก่อนจ่ายถวายพานมาให้ ซาลาห์ ชาร์จจ่อๆ ทว่าดันยิงหลุดกรอบออกหลังไปเหลือเชื่อ
นาทีที่ 19 เจ้าถิ่น ได้ลุ้นอีกแล้ว เมื่อ ฟีร์มิโน่ กระดกจากหน้าเขตโทษ เข้าไปหน้าประตู และเป็น ซาลาห์ ที่วิ่งหลุดเข้าไปซัดด้วยขวาเน้นๆ ทว่า มาร์ค เทรเวอร์ส ยังพุ่งปัดข้ามคานได้แบบยอดเยี่ยม
นาทีที่ 28 ลิเวอร์ นำห่าง 3-0 จากจังหวะที่ เทรนต์ เล่นชิ่งหนึ่งสองกับ ฟีร์มิโน่ ก่อนที่ แบ็คขวาหงส์แดง จะตั้งป้อมยิงไกล บอลพุ่งเสียบเสาเข้าไปแบบเด็ดขาด
นาทีที่ 31 หงส์แดง นำไกล 4-0 จากจังหวะที่ ซาลาห์ ได้บอลทางขวา แล้วเปิดไปแฉลบแนวรับทีมเยือน บอลลอยโด่งไปหน้าประตู และเป็น ฟีร์มิโน่ ที่วิ่งแล่บเข้ามากระโดดถีบลูกเข้าไปตุงตาข่ายแบบจ่อๆ
ท้ายครึ่งแรก ยังเป็น ลิเวอร์ ที่ครองเกมบุกได้มากกว่า และเกือบได้อีกประตู ในนาทีที่ 45 จากจังหวะสวนกลับเร็ว ฟีร์มิโน่ ได้บอลกลางสนาม ก่อนากจี้เข้าหาเขตโทษ แล้วกดเรียดๆ บอลจะพุ่งเสียบเสาอยู๋แล้ว ทว่า เทรเวอร์ส ยังปัดออกหลังไปได้
และจากลูกเตะมุมนี้เอง โรเบิร์ตสัน เปิดโค้งเข้าไปในเขตโทษ และเป็น ฟาน ได ที่เทกตัวขึ้นโขกส่งบอลเข้าไปตุงตาข่าย สกอร์กลายเป็น 5-0
หมดครึ่งแรก ลิเวอร์ ขึ้นนำ บอร์นมัธ 5-0
กลับมาเตะกันต่อครึ่งหลัง เพียงแค่นาทีเดียว หงส์แดง นำห่าง 6-0 จากจังหวะที่ เทรนต์ เปิดบอลจากทางฝั่งขวา ไปหน้าประตู และเป็น คริส เมแฟม ที่แหย่ขาสกัดเข้าประตูตัวเอง แม้มีการเช็ค VAR ว่าลูกนี้ หลุยส์ ดิอาซ ล้ำหน้าหรือไม่ แต่เมื่อเช็คแล้ว กรรมการก็ยืนยันว่าได้ประตู
นาทีที่ 62 ลิเวอร์ นำไกล 7-0 จากจังหวะเตะมุม บอลมาถึง โรเบิร์ตสัน ได้ปั่นโค้งจากเขตโทษฝั่งขวา เทรเวอร์ส พุ่งปัดมาเข้าทาง ฟีร์มิโน่ ยิงซ้ำดาบสองไปติด เทรเวอร์ส ทว่าก็บอลไม่ไปไหน ทำให้ ดาวยิงแซมบ้า ซัดแบบจ่อๆ เข้าไปตุงตาข่าย และกลายเป็นประตูที่ 100 ของเขากับ “หงส์แดง”
นาทีที่ 81 เจ้าถิ่น นำห่าง 8-0 จากจังหวะที่ เทรนต์ วางบอลยาวจากปีกขวาไปที่เสาไกลหน้าประตู และเป็น ซิมิกาส แปบอลจังหวะเดียวกลับมาให้ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ วิ่งเข้ามายิงแบบไม่ต้องจับ ลูกพุ่งตุงตาข่ายสุดสวย
นาทีที่ 85 หงส์แดง นำ 9-0 จากจังหวะลูกเตะมุม ซิมิกาส เปิดโค้งเข้ามาหน้าประตู และเป็น หลุยส์ ดิอาซ ที่วิ่งโฉบเข้ามาโหม่งตุงตาข่าย
หมดเวลาการแข่งขัน ลิเวอร์ เปิดบ้านไล่ถล่ม บอร์นมัธ ขาดลอย 9-0 ทำให้ “หงส์แดง” เก็บเพิ่มเป็น 5 แต้ม และสามารถคว้าชัยชนะนัดแรกของฤดูกาลนี้ได้แล้ว
ลิเวอร์พูล รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนาม
ลิเวอร์พูล : อลิสซง เบ็คเกอร์ (GK), เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, โจ โกเมซ, เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, ฟาบินโญ่, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, หลุยส์ ดิอาซ
บอร์นมัธ : มาร์ค เทรเวอร์ส (GK), เจฟเฟอร์สัน เลอร์มา, คริส เมแฟม, มาร์คอส เซเนซี่, อดัม สมิธ, ลูอิส คุ๊ค, จอร์แดน เซมูร่า, มาร์คัส ตาเวอร์เนียร์, ไรอัน คริสตี้, ไจดอน แอนโธนี่, คีฟเฟอร์ มัวร์

